1. การเพิ่มศักยภาพในการผลิตยาด้วยตนเองได้
ปัจจุบันการนำเข้ายาจากต่างประเทศ มีสัดส่วนถึง 70% ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณสองแสนกว่าล้านบาท และยังมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายารักษาโรคร้ายแรงอันดับหนึ่งอย่างมะเร็ง เมื่อค่ายาแพง ระบบประกันไม่ครอบคลุม นี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องเสียชีวิตลง เพราะไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ายาได้ ทำให้ต้องเลือกที่จะหยุดการรักษา ดังนั้นนอกจากเรื่องระบบและเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ที่ต้องพัฒนาแล้ว ประเทศไทยยังสามารถเพิ่มศักยภาพในการผลิตยาด้วยตนเองได้ รวมไปถึงงานวิจัยในการคิดค้นยาและวัคซีนอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น
2. การลดความเหลื่อมล้ำ และเปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างเท่าเทียม
ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในเมืองหลวงหรือต่างจังหวัด ยังคงมีปัญหาในการเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ และอาจยังไม่สามารถได้รับการรักษาได้ทันท่วงที หนึ่งในสาเหตุเป็นเพราะบุคลากรทางการแพทย์ยังมีจำนวนน้อยและกระจุกตัว ปัจจุบันอัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรในกรุงเทพ คือ 1 ต่อ 565 คน ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ 1 ต่อ 8,375 คน
การเพิ่มหมอและพยาบาลไปในพื้นที่ โดยเฉพาะต่างจังหวัดจึงเป็นเรื่องสำคัญ และในปัจจุบันประเทศไทยยังต้องนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากต่างประเทศถึงปีละกว่าหกหมื่นล้านบาท ยิ่งเมื่อเจอกับวิกฤติโรคระบาดที่อุปกรณ์ทางการแพทย์ทั่วโลกเริ่มขาดแคลน โจทย์นี้จึงกลายเป็นอีกความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญ วิธีการที่จะช่วยทำให้เราลดปัญหาเหล่านี้ได้ คือ การสร้างบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่จะช่วยให้การให้บริการหรือการรักษาชีวิตผู้คนมีความพร้อมมากขึ้น